02-116-5526
thailubic@hotmail.com

เกร็ดความรู้เรื่องน้ำมัน

เกร็ดความรู้เรื่องน้ำมัน

เกร็ดความรู้เรื่องน้ำมัน

ความหนืดคืออะไร ดูได้อย่างไร?                

           ความหนืด คือ ความข้น–ใส ของน้ำมันหล่อลื่นนั้นๆ ซึ่งกำหนดโดยองค์กรวิศวกรรมยานยนต์ (SAE) จากอเมริกา โดยความหนืดจะระบุเป็นตัวเลขตามหลังตัวอักษร SAE เช่น SAE 10W-30 หรือ SAE 5W-40 เป็นต้น นอกจากนี้ ควรพิจารณาเลือกใช้ความหนืดที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ โดยท่านสามารถดูได้จากหนังสือคู่มือรถยนต์ของท่านเพื่อประกอบการตัดสินใจ 

น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดสูงดีกว่าน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดต่ำจริงหรือไม่?              

         ไม่จริง ความหนืดมิได้เป็นตัวบอกคุณภาพของน้ำมันเครื่องนั้น ๆ มาตรฐานคุณภาพ เช่น API หรือ ACEA ต่างหากที่เป็นตัวบ่งบอกคุณภาพของน้ำมันเครื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ควรเลือกน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดที่เหมาะสมกับสภาพของเครื่องยนต์ และสภาพการใช้งานของท่าน เช่น หากรถของท่านเป็นรถใหม่ ก็ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีเบอร์ความหนืดใส จะช่วยในการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น เช่น SAE 10W-30 เป็นต้น แต่หากรถของท่านเป็นรถเก่า มีอาการกินน้ำมันเครื่อง ก็ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีเบอร์ความหนืดที่ข้นมากขึ้น เพื่อช่วยลดปัญหาการกินน้ำมันเครื่อง เช่น SAE 20W-50 เป็นต้น

น้ำมันเครื่องสังเคราะห์(Synthetic) ดีกว่าน้ำมันเครื่องทั่วไปอย่างไร?                

         น้ำมันเครื่องสังเคราะห์มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าน้ำมันเครื่องที่ใช้น้ำมันพื้นฐานทั่วไป ในเรื่องของความเสถียรที่อุณหภูมิสูงและไหลได้ดีที่อุณหภูมิต่ำ   เป็นผลทำให้ ช่วยให้สตาร์ทเครื่องง่าย ลดการสึกหรอจากการสตาร์ท รวมทั้งป้องกันการเกิดคราบตะกอน ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด นอกจากนี้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์สามารถสร้างฟิล์มน้ำมันที่แข็งแรง จึงสามารถป้องกันเครื่องยนต์จากการสึกหรอได้สูงกว่า และทำให้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องทั่ว ๆ ไปอีกด้วย

สามารถนำน้ำมันเครื่องต่างยี่ห้อ ต่างระดับชั้นคุณภาพ มาผสมกันเพื่อใช้งานได้หรือไม่?                

          ได้เนื่องจากน้ำมันเครื่องมีคุณสมบัติในการเข้ากันได้กับน้ำมันเครื่องทุกยี่ห้อ  แต่อย่างไรก็ตามคุณภาพของน้ำมันที่สูงกว่าเมื่อผสมกับน้ำมันที่คุณภาพต่ำกว่าจะทำให้ประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องที่ดีลดลงไปตามสัดส่วนการผสมดังนั้นหากเป็นการใช้งานในสภาวะปกติทั่ว ๆ ไปแนะนำให้ไม่ควรผสมน้ำมันเครื่องต่างยี่ห้อ หรือต่างระดับชั้นคุณภาพครับ

น้ำมันเครื่องใหม่ที่มีสีเข้ม มีคุณภาพดีกว่านำมันเครื่องใหม่ที่มีสีอ่อนใสกว่า จริงหรือไม่?              

     ไม่จริง เพราะสีของน้ำมันเครื่องใหม่ ไม่สามารถบ่งบอกคุณภาพของน้ำมันเครื่องได้ เพราะสีเป็นเพียงคุณสมบัติภายนอกของน้ำมันเครื่องเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม น้ำมันเครื่องที่ดี ควรจะมีลักษณะใสไม่ขุ่นรวมถึงไม่มีฝุ่นละออง หรือน้ำ ปนเปื้อนอยู่ในเนื้อน้ำมัน

น้ำมันเครื่องใช้แล้วเป็นสีดำเร็ว แสดงว่าเป็นน้ำมันเครื่องที่ไม่ดีใช่หรือไม่?                

         โดยปกติแล้ว น้ำมันเครื่องเมื่อเปลี่ยนถ่าย และใช้งานไประยะหนึ่งจะมีสีที่เข้มขึ้น เนื่องจากน้ำมันเครื่องที่ดี จะช่วยกระจายเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้ รวมถึงช่วยชะล้างทำความสะอาดสิ่งสกปรกภายในเครื่องยนต์ ให้มาผสมอยู่ในเนื้อของน้ำมันเครื่องทำให้น้ำมันเครื่องเปลี่ยนเป็นเข้ม หรือดำ โดยที่น้ำมันเครื่องนั้น ๆยังสามารถคงความหนืดได้ดังเดิม แต่หากน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว  มีสีดำ และมีลักษณะที่ข้น หรือเหนียวขึ้น ถือว่าเป็นน้ำมันเครื่องที่คุณภาพต่ำ ดังนั้น น้ำมันเครื่องดำไม่ใช่ปัญหา

จำเป็นหรือไม่ที่ต้องเติมหัวเชื้อ เพิ่มลงน้ำมันเครื่อง ?          
       
         ไม่จำเป็น หากท่านเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีมาตรฐานเทียบเท่า หรือสูงกว่า มาตรฐานที่ระบุให้ใช้ในคู่มือรถยนต์ของท่าน เนื่องจากน้ำมันเครื่องที่ได้รับมาตรฐานเทียบเท่า หรือสูงกว่านั้น ได้ผ่านการทดลอง ทดสอบจากองค์กรมาตรฐาน โดยใช้เครื่องมือทดสอบต่าง ๆ อย่างเข้มงวด และหนักหน่วง จึงสามารถใช้งานตามระยะเปลี่ยนถ่ายที่ระบุไว้ในคู่มือรถยนต์ได้โดยไม่ต้องการเติมหัวเชื้อ อีกทั้งการเติมหัวเชื้อน้ำมันเครื่องเพิ่มเข้าไปในระบบจะไปรบกวนการทำงานของadditiveบางชนิดที่ถูกรวมอยู่ใน additive packages ที่ผสมในน้ำมันเครื่องที่มีการคำนวณสัดส่วนไว้อย่างดีและทำการทดสอบแล้ว อาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของน้ำมันเครื่องลดลง ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้เติมหัวเชื้อชนิดใด ๆ เพิ่มเข้าไปในน้ำมันเครื่อง 

ระยะเปลี่ยนถ่ายเท่าใดจึงจะเหมาะสมกับรถยนต์ของท่าน ?                              

         ในคู่มือของรถยนต์แต่ละรุ่น จะระบุความหนืด มาตรฐานคุณภาพขั้นต่ำ รวมถึงระยะเปลี่ยนถ่ายมาตรฐานไว้ แต่เนื่องจากน้ำมันเครื่องมีหลายชนิด และหลายระดับคุณภาพ เช่น น้ำมันสังเคราะห์ กึ่งสังเคราะห์ น้ำมันธรรมดา เป็นต้น รวมถึงระดับปริมาณสารเพิ่มคุณภาพที่ใช้ก็แตกต่างกัน จึงมีความสามารถในการคงคุณสมบัติที่ดีของน้ำมันเครื่องเอาไว้ได้ในระยะเวลาที่ต่างกัน เมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนด สารเพิ่มคุณภาพก็จะเสื่อมคุณภาพจนหมด  ดังนั้น จึงไม่ควรที่จะใช้งานเกินระยะเวลาเปลี่ยนถ่ายที่กำหนด โดยน้ำมันเกรดสังเคราะห์จะเปลี่ยนถ่ายที่ 15,000 กม. กึ่งสังเคราะห์เปลี่ยนถ่ายที่ 10,000 กม. และน้ำมันธรรมดาเปลี่ยนถ่ายที่ 7,000 กม. 

สามารถนำน้ำมันเครื่องต่างชนิดกัน มาใช้แทนกันได้หรือไม่ ?                    

    ในกรณีปกติไม่แนะนำครับ เนื่องจากน้ำมันเครื่องแต่ละชนิดมีวัตถุประสงค์ในการใช้กับเครื่องยนต์/ เครื่องจักรที่แตกค่างกันซึ่งมีสาเหตุมาจากเทคโนโลยี และการดีไซน์ของเครื่องยนต์ ที่ต่างกัน เช่น น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลจำเป็นจะต้องมีคุณสมบัติค่าความเป็นด่างรวม(TBN)สูงกว่า น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน หรือนำเอาน้ำมันเครื่องรถยนต์เบนซิน ไปใช้ในรถจักรยานยนต์ก็ไม่เหมาะสม เป็นต้น ดังนั้นควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องให้เหมาะกับชนิดของเครื่องจักรนั้นๆครับ แต่หากเป็นกรณีฉุกเฉิน หรือเร่งด่วน อาจอนุโลมให้ใช้ทดแทนได้ในช่วงเวลานั้นๆจากนั้นต้องรีบเปลี่ยนถ่ายเป็นน้ำมันที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ดังเดิม

น้ำมันเกียร์ยานยนต์กับน้ำมันเกียร์อุตสาหกรรมใช้ปนกันได้หรือไม่ ?                

         ไม่สามารถใช้ปนกันได้  เนื่องจาก  additive ที่เป็นองค์ประกอบนั้นอาจมีลักษณะที่ไม่เข้ากัน ถ้าจะใช้ผสมกันจะทำให้น้ำมันหล่อลื่นนั้นเสื่อมคุณภาพ ทำให้เกิดผลเสียหายต่อชุดเกียร์นั้น ๆ ได้  ดังนั้น ควรเลือกน้ำมันหล่อลื่นมาใช้งานให้ถูกชนิด และประเภทของเครื่องจักร / เครื่องยนต์

น้ำมันเครื่องที่ซื้อไป สามารถเก็บได้กี่ปี ?                  

         โดยปกติแล้ว น้ำมันเครื่องที่ซื้อกันในท้องตลาด จะมีระบุวันที่ผลิตไว้ที่แกลลอนน้ำมันเครื่องทุกแกลลอน ซึ่งโดยทั่ว ๆ ไป หากยังไม่ได้ใช้งาน ไม่ได้เปิดฝา และเก็บไว้ในที่ร่ม สามารถเก็บได้ประมาณ 3 ปี นับจากวันที่ผลิตครบ แต่หากมีการเปิดฝาใช้งานแล้ว ควรปิดฝาให้สนิท  และเก็บในที่ร่ม ไม่อับชื้น ไม่โดนน้ำ สามารถเก็บได้ 1 ปี นับจากวันใช้งาน แต่ทั้งนี้ ก่อนใช้งานครั้งต่อไป ควรสังเกตลักษณะทั่วไปของน้ำมันเครื่องด้วยว่า ยังมีลักษณะใส และไม่มีฝุ่นละออง หรือน้ำปนเปื้อน

รถเก่าแล้ว ใช้งานเกิน 7-10 ปี แล้ว ควรใช้น้ำมันหล่อลื่นชนิดไหน ความหนืดเท่าไร ?              

       ไม่ว่าจะเป็นรถเก่า หรือรถใหม่ สามารถใช้น้ำมันเครื่องได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันสังเคราะห์ กึ่งสังเคราะห์ หรือน้ำมันธรรมดา โดยหากเลือกใช้น้ำมันเครื่องชนิดสังเคราะห์ ก็จะช่วยในเรื่องการปกป้องเครื่องยนต์ ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่า เป็นต้น และหากสภาพเครื่องยนต์ยังดีอยู่ คือ ไม่มีอาการกินน้ำมันเครื่อง ก็สามารถเลือกเบอร์ความหนืดที่ใสขึ้นได้ เช่น SAE 5W-40 หรือ SAE 10W-30 เป็นต้น เพื่อช่วยในการประหยัดเชื้อเพลิง แต่หากสภาพของเครื่องยนต์ไม่ดี และมีอาการกินน้ำมันเครื่อง แนะให้ให้เลือกเบอร์ความหนืดที่ข้นขึ้น เช่น SAE 15W-40 หรือ SAE 20W-50 เป็นต้น เพื่อช่วยลดปัญหาดังกล่าว

รถยนต์ใช้งานน้อย วิ่งปีหนึ่ง ๆ ยังไม่ถึง 5,000 กม. จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายหรือไม่ ?              

        จำเป็นค่ะ การที่รถยนต์ใช้งานน้อย ไม่ว่าจะเป็นการจอดทิ้งไว้เป็นเดือน หรือขับใช้งานในเมือง ที่มีการจราจรหนาแน่น ทำให้ระยะที่ขับขี่น้อย ถือว่าน้ำมันหล่อลื่นทำงานหนักครับ เพราะการจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ จะเกิดการปนเปื้อนของน้ำในอากาศ ทำให้สารเพิ่มคุณภาพเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้น้ำมันเครื่องเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น อีกทั้งการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น น้ำมันเครื่องก็ยังคงทำงานตลอดเวลาทั้งขณะรถติด และรถวิ่ง ดังนั้น จึงเป็นการควรที่จะพิจารณาระยะทางที่ขับขี่ ควบคู่ไปกับระยะเวลาที่เปลี่ยนถ่ายด้วย โดยเราควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง        

2 Responses

  1. thailubic พูดว่า:

    สุดยอด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *